สำหรับ WebP Image คือ มาตรฐานของไฟล์ชนิดรูปภาพที่ทาง Google ได้เป็นผู้พัฒนาขึ้นมาให้ยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจนแบบเต็มประสิทธิภาพ เริ่มตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 กระทั่งปัจจุบันมีเว็บไซต์หันมาให้ความสนใจและเลือกใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในอดีตเรามักคุ้นเคยว่าภาพที่ลงบนหน้าเว็บไซต์ต้องมีความคมชัด ซึ่งไฟล์พื้นฐานที่ใช้งานกันคือ jpeg. หรือ PNG. แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่แม้ไฟล์ทั้ง 2 ประเภทนี้จะมีความคมชัดสูงมาก แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ส่งผลให้การดาวน์โหลดช้า จนกระทบไปถึงการจัดอันดับใน Google ของเว็บไซต์นั้น ๆ ด้วยเช่นกัน
สำหรับไฟล์ WebP Image ที่นำมาใช้กับ website จะมีความคมชัดใกล้เคียงกับไฟล์ภาพทั้ง 2 ชนิดที่กล่าวมามาก คืออาจต่างกันเล็กน้อยจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โดยเมื่อเทียบการแปลงไฟล์ภาพ WebP Image แล้วจะมีขนาดเล็กกว่าไฟล์ jpeg. 25-34% และเล็กกว่าไฟล์ PNG ถึง 25% เลยทีเดียว ส่งผลให้การดาวน์โหลดหน้าเว็บรวดเร็วยิ่งขึ้น การทำอันดับก็ดีตามลำดับไปด้วย
ประเภทของไฟล์ภาพ WebP Image
ความพิเศษของไฟล์ภาพ WebP Image ยังถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ สำหรับคนที่ต้องการนำไปใช้งาน ดังนี้
- WebP – Lossless เป็นภาพแบบโปร่งแสงคล้ายกับไฟล์ PNG แต่ขนาดจะใหญ่กว่า WebP Image เพียงแค่ 22% เท่านั้น ซึ่งยังน้อยกว่า PNG
- WebP – Lossy เป็นประเภทของไฟล์ภาพผ่านการบันทึกแบบ RGB โดยขนาดของไฟล์จะเล็กกว่า PNG ถึง 3 เท่าเลยทีเดียว
ทั้งนี้ในการแปลงภาพให้เป็นไฟล์ WebP Image สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์หลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่มักนิยม https://image.online-convert.com/convert-to-webp เพราะมีมาตรฐาน และได้ความคมชัดของภาพดี แปลงไฟล์รวดเร็วทันใจ ไม่เสียเวลารอนาน ๆ
จากที่กล่าวมานี้จะเห็นเลยว่าการทำ website SEO เพื่อให้ติดอันดับ Google ไม่ใช่สนใจแค่เรื่องบทความ หรือการปรับแต่งให้สวยงาม การทำ backlink เท่านั้น แต่รูปภาพก็เป็นอีกส่วนที่จะช่วยให้เว็บมีอันดับดีขึ้นเรื่อย ๆ ได้ เพราะเมื่อดาวน์โหลดหน้าเว็บได้รวดเร็ว ก็จะได้รับคะแนนที่ดี ในฐานะของคนทำ SEO จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้และนำไปปฏิบัติตาม จะช่วยให้เว็บได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
